การตื่นตัวของอิสลามคือ อุปสรรคของไซออนิสต์สากล

   การตื่นตัวของอิสลามคือ อุปสรรคของไซออนิสต์สากล


 

 

 การตื่นตัวของอิสลามในตะวันออกกลาง และโลกอาหรับในปัจจุบัน กลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการดำเนินการตามแผนของ “โอเด็ด ยิโนน” ชาวไซออนิสต์ และมหานครตะวันออกกลางกับการแบ่งซอยประเทศต่างๆ ของอิสลาม

 

     

 สิ่งที่โลกอิสลามและโลกอาหรับกำลังประสบอยู่ในปัจจุบันนี้ ได้แก่ สงคราม ความขัดแย้ง และการแบ่งซอยเป็นส่วนต่างๆ มันคือแผนการที่ถูกออกแบบไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งถูกวางแผนไว้เป็นเวลาหลายปีก่อนหน้านี้โดยสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่นๆ แผนการล่าอาณานิคมที่ลัทธิไซออนิสต์สากลได้ร่างมันขึ้นมาเพื่อการแบ่งซอยและแบ่งแยกโลกอิสลามและโลกอาหรับ เพื่อว่าบนพื้นฐานของแผนการดังกล่าวนี้ บรรดาประเทศอาหรับจะได้กลายเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย และด้วยกับการกระทำดังกล่าวนี้จะเป็นการจัดเตรียมพื้นฐานอำนาจการปกครองของลัทธิไซออนิสต์ โดยเริ่มต้นจากแผ่นดินปาเลสไตน์และหลังจากนั้นจะขยายครอบคลุมไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่การตื่นตัวของอิสลามและมวลมหาประชาชนชาวมุสลิมที่มีความเข้าใจ ได้กลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ขวางกั้นเส้นทางแผนการต่างๆ ของลัทธิไซออนิสต์สากล การตอกย้ำของชาวมุสลิมในประเทศต่างๆ อย่างเช่น อียิปต์ ตูนิเซีย ลิเบีย บาห์เรนและประเทศอิสลามอื่นๆ เกี่ยวกับอิสลามและเอกภาพของโลกอิสลามนั้น คือหลักฐานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งของบรรดามุสลิมที่มีต่อแผนการต่างๆ ของลัทธิไซออนิสต์สากล

 

     

คำรายงานที่อยู่เบื้องหน้าของท่านผู้อ่านนี้ เป็นการวิเคราะห์ตรวจสอบถึงวิธีการของแผนการต่างๆ ของ “โอเด็ด ยิโนน” (Oded Yinon) และ “ตะวันออกกลางใหม่” (The New Middle East) และเป้าหมายหลักต่างๆ ของการนำเสนอแผนร่างล่วงหน้าเหล่านี้


“โอเด็ด ยิโนน” (Oded Yinon)

  

  ในแผนมหานครตะวันออกกลาง (Greater Middle East)นั้น สหรัฐอเมริกามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สังคมขนาดใหญ่ของภูมิภาคตะวันออกกลางมีความเป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า ความผิดหวังของประชาชนในภูมิภาคนี้ที่เกิดจากรัฐบาลของตนนั้น จะเป็นตัวคุกคามเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาคนี้และของโลกตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งของสหรัฐอเมริกา “โอเด็ด ยิโนน” เป็นนักวางแผนชาวอเมริกันเชื้อสายฝรั่งเศส ซึ่งด้วยกับการช่วยเหลือของอิสราเอลนั้นเขามีแผนการที่จะสร้างพื้นที่ทางยุทธศาสตร์แห่งหนึ่งให้เกิดขึ้น ในประเทศเหล่านี้ เพื่อที่จะทำให้แผนการดังกล่าวเป็นจริงขึ้นมานั้นพวกเขาต่างพยายามสร้างความขัดแย้งต่างๆ ให้เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง และในท้ายที่สุดพวกเขาก็จะสามารถแบ่งซอยประเทศต่างๆ ของภูมิภาคนี้ได้

 

 

ประเด็นและหัวใจสำคัญที่ได้รับจากการวิเคราะห์ตรวจสอบแผนการทั้งสองนี้ สามารถแบ่งออกเป็นหมวดๆ ได้ดังต่อไปนี้

 

   

การดำรงอยู่ได้ของระบอบไซออนิสต์นั้นขึ้นอยู่กับการสร้างจลาจล ความสับสนวุ่นวาย ความไร้เสถียรภาพและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างประชาชนในภาคส่วนต่างๆ ของกลุ่มประเทศอาหรับ

  

 เป้าหมายของแผนตะวันออกกลางใหม่ คือการทำลายประเทศใหญ่ๆ ในภูมิภาค และเปลี่ยนประเทศเหล่านั้นให้กลายเป็นประเทศเล็กๆ

  

 การที่อเมริกาต้องการจะเป็นผู้ควบม้าในสนามเพียงผู้เดียวในภูมิภาคตะวันออกกลางนั้น จำเป็นที่อเมริกาจะต้องทำให้บรรดามุสลิมและประเทศอาหรับเข้าสู่วิกฤตความขัดแย้งภายในเป็นเวลานับร้อยปี

  

 แผนตะวันออกกลางใหม่ถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนการเกิดขึ้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 และปัจจุบันนี้ด้วยกับความร่วมมือของผู้นำประเทศอาหรับบางประเทศทำให้แผนการนี้ถูกดำเนินการให้เป็นจริง

  

   ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการทำลายตะวันออกกลาง คือแผนการสร้างความแตกแยกภายในระหว่างประชาชนในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

   

การแบ่งซอยโลกมุสลิมจะเป็นหลักประกันความมั่นคงของระบอบไซออนิสต์

 

        

 มุนซิร อีด นักเขียนชาวซีเรีย ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ “อัซเซาเราะฮ์” ของซีเรีย เขาได้กล่าวว่า “ทุกวิกฤตการณ์ความขัดแย้งและการบ่อนทำลายที่ได้พบเห็นในหมู่ประเทศอาหรับนั้น เราจำเป็นต้องเชื่อมั่นว่ามือของชาวอเมริกันที่อยู่เบื้องหลังนั้น มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากการจะดำรงอยู่ได้ของระบอบไซออนิสต์นั้นขึ้นอยู่กับการสร้างความวุ่นวาย การจลาจลและความไร้เสถียรภาพในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างประชาชนในภาคส่วนต่างๆ ของกลุ่มประเทศอาหรับ


 

เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger)

 

       

 เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา ผู้ซึ่งถูกขนานนามว่า “สุนัขจิ้งจอก” ในปี 1984 ได้นำเสนอแผนแบ่งแยกประเทศต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางและการสร้างตะวันออกกลางใหม่ โดยเริ่มจากประเทศโมร็อกโคเรื่อยไปจนถึงประเทศฟิลิปปินส์

 

    

 เขาได้กล่าวไว้ว่า “ประเทศแรกที่จะแบ่งแยกมันนั้นคือประเทศอิรัก ทั้งนี้เพราะอิรักเป็นประเทศอาหรับที่มีความแข็งแกร่งที่สุด และด้วยกับการแบ่งแยกประเทศอิรักได้แล้วนั้น ภารกิจในการแบ่งแยกประเทศอื่นๆ จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย”

 

       

 สิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางนับจากปี 2003 สืบเนื่องเรื่อยมาจนถึงการบุกอิรัก เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าวอชิงตันกำลังดำเนินการตามคำพูดต่างๆ ของเฮนรี่ คิสซิงเจอร์นั่นเอง

 

    

  คิสซิงเจอร์ มีความเชื่อว่า หากสหรัฐอเมริกาต้องการที่จะเป็นอัศวินม้าขาวในภูมิภาคตะวันออกกลางเพียงผู้เดียว จำเป็นที่จะต้องทำให้บรรดามุสลิมและประเทศอาหรับทั้งหลายเข้าสู่วิกฤตความขัดแย้งภายในเป็นเวลายาวนานนับร้อยปี ในขณะนี้จะเห็นได้ว่าแผนการทั้งมวลของอเมริกาที่วางพื้นฐานอยู่บนการสร้างสงครามและความขัดแย้งภายในระหว่างหมู่ชนในภาคส่วนต่างๆ ก็เพื่อว่าด้วยวิธีการดังกล่าวจะทำให้ตนเองมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อจะจัดเตรียมความมั่นคงให้เกิดขึ้นกับระบอบไซออนิสต์ เหตุผลของเรื่องนี้ก็คือความมั่นคงของระบอบไซออนิสต์ ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่บารัก โอบามาได้กล่าวถึงในโอกาสต่างๆ ว่ามันได้ถูกขมวดปมไว้ด้วยกับความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา

 

     

 มะฮ์ดี ดารยูส นาซูมิรา นักค้นคว้าวิจัยชาวแคนาดา ในบทความหนึ่งซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ “Global Research” ของแคนนาดานั้นมีเนื้อหาเช่นนี้ว่า เขามีความพยายามที่จะเปิดโปงถึงแผนการต่าง ๆ ของอเมริกา ไซออนิสต์และตะวันตกที่กำลังพยายามจะสร้างตะวันออกกลางใหม่ให้เกิดขึ้นให้ได้ด้วยการแบ่งซอยภูมิภาคตะวันออกกลาง

 

     

 มะฮ์ดี ดารยูส กล่าวว่า “อิสราเอลอยู่เบื้องหลังแผนการของชาวอเมริกัน – ฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียง (คือโอเด็ด ยิโนน) เขามีแผนการที่จะสร้างพื้นที่ทางยุทธศาสตร์แห่งหนึ่งให้เกิดขึ้น และเพื่อที่จะทำให้แผนการดังกล่าวเป็นจริงขึ้นมานั้นเขาพยายามหาทางสร้างความขัดแย้งต่างๆ ให้เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง และในท้ายที่สุดเขาก็จะสามารถแบ่งซอยประเทศต่างๆ ของภูมิภาคนี้ได้”

 

    

  นักวิจัยชาวแคนาดาผู้นี้เชื่อว่า “แผนตะวันออกกลางใหม่ซึ่งชาวตะวันตกและชาวอิสราเอลพยายามที่จะทำให้เกิดขึ้นนั้น ขี้นอยู่กับการกำหนดรัฐบาลใหม่ขึ้นมา บนพื้นฐานของปัจจัยต่างๆ ทางด้านศาสนาและเผ่าชน แผนดังกล่าวนี้ถูกวางรากฐานไว้แล้วโดยอิสราเอล ฝรั่งเศส อังกฤษและสหรัฐอเมริกา และเป้าหมายของมันก็คือ การทำลายประเทศที่มีขนาดใหญ่ในภูมิภาคนี้ และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นประเทศเล็กๆ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้เล่นกับประเทศเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายตามที่ตนเองต้องการ

 

     

  นักวิจัยชาวแคนาดากล่าวว่า “แผนของโอเด็ด ยิโนน คือสิ่งที่จะสร้างความสมบูรณ์ให้กับเล่ห์เหลี่ยมและกลลวงอันเก่าแก่ของอังกฤษในตะวันออกกลาง นี่คือแผนทางกลยุทธ์อย่างหนึ่งของอิสราเอลที่มีความตั้งใจว่าจะแบ่งซอยประเทศเหล่านี้ และบรรดาประเทศพันธมิตรของอิสราเอลเองก็พยายามที่จะแนะนำกลุ่มประเทศตะวันออกกลางให้เข้าใจว่าอิสราเอลนั้นมีความเหนือกว่าประเทศเหล่านี้ และในแผนการอันเลื่องลือนี้ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิสราเอล คือการแบ่งซอยประเทศอิรัก”

 

      

 เขาได้กล่าวเสริมว่า “ในขอบข่ายของแผนการของตะวันตกและอิสราเอลนี้ การโจมตีไปยังคริสเตียนในอียิปต์ การแบ่งแยกประเทศซูดาน การโจมตีลิเบีย และทำนองเดียวกันนี้ การโจมตีคริสเตียนในอิรัก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด” นักวิจัยผู้นี้ย้ำว่า “อิสราเอลกำลังพยายามที่จะจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ในการเผชิญหน้าและสร้างความขัดแย้งภายในระหว่างเผ่าชนให้เกิดขึ้นในเลบานอน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการแบ่งซอยประเทศนี้ พวกเขาพยายามที่จะสร้างรัฐบาลของแต่ละเผ่าชนขึ้นในซีเรีย และจะขับไล่ชาวคริสเตียนออกจากเลบานอน ซีเรียและอิรัก”

 

     

 นักวิจัยชาวแคนาดาผู้นี้กล่าวว่า “แผนการนี้ได้เตรียมพร้อมที่จะดำเนินการตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว แต่มาถึงตอนนี้กำลังถูกสานต่อด้วยชื่อที่แตกต่างออกไป และด้วยความร่วมมือจากผู้นำบางคนของกลุ่มประเทศอาหรับ”

 

       

  มะฮ์ดี ดารยูส กล่าวว่า “บุคคลจากกลุ่ม 14 ออซารี (คนกลุ่มนี้เป็นชาวเลบานอน ซึ่งในช่วงเริ่มแรกนั้นเป็นพันธมิตรของซีเรีย แต่ในช่วง 2 ปีหลังนี้ มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับอิสราเอลและอเมริกา) พวกเขามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล และบางประเทศในกลุ่มอาหรับและกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่กำลังก่อการร้ายและปฏิบัติการด้วยความรุนแรงอยู่ในประเทศซีเรียขณะนี้ และในระหว่างพวกเขานั้นมีข้อตกลงลับกันอยู่โดยที่เป้าหมายของพวกเขาก็คือ การให้การสนับสนุนแก่กลุ่มก่อการร้ายและการส่งอาวุธต่างๆ จากเลบานอนเข้าสู่ซีเรีย”

 

     

  มะฮ์ดี ดารยูส กล่าวว่า “เหตุผลต่างๆ ของการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งของกลุ่ม 14 ออซารี ไปยัง “บัตรีก มาร์ บิชาเราะฮ์ บิตริซ รออี” ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวคริสต์ ก็เนื่องมาจากท่าทีของบัชชารในกรณีเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ในประเทศซีเรีย”

 

    

 นักวิจัยชาวแคนาดาผู้นี้กล่าวว่า “การทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางว่างเปล่าจากชาวคริสต์ ก็เป็นส่วนหนึ่งจากย่างก้าวที่สำคัญของแผนการของ “ยิโนน” และแผนการนี้ก็มีเป้าหมายที่จะแบ่งประเทศต่างๆ ของทวีปแอฟริกา บนพื้นฐานของภาษา สีผิวและศาสนาด้วยเช่นกัน”

 

     

  มะฮ์ดี ดารยูส เชื่อว่า นิตยสารซีแอตแลนติก (Sea Atlantic) ซึ่งเป็นนิตยสารเฉพาะสำหรับกองทัพของอเมริกาจะทำการอธิบายภาพรวมบางส่วนของแผนการต่างๆ ของ (ยิโนน) ที่ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในปี 2008 แผนการต้องการให้ยุบประเทศต่างๆ ในแอฟริกาทั้งหมด โดยเริ่มจากอียิปต์ไปจนถึงซูดานและลิเบีย และในช่วงต่างๆ หลังจากนั้นก็จะครอบคลุมประเทศในแอฟริกาทั้งหมด

 

    

  เขากล่าวว่า “ชาวอิสราเอลได้เข้าไปมีอิทธิพลอย่างเงียบๆ ในทวีปแอฟริกามาเป็นเวลายาวนานหลายปีแล้ว ชาวอิสราเอลจะให้การสนับสนุนระบอบการปกครองแบบชนชั้นในซูดาน และได้รับการสนับสนุนจากบางกลุ่มในประเทศนี้”

 

    

   เขากล่าวว่า “อิสราเอลและล็อบบี้ยีสต์ไซออนิสต์ในสหรัฐอเมริกา มีบทบาทสำคัญในการแทรกแซงทางทหารของนาโต้ในประเทศลิเบีย เขาได้ชี้ให้เห็นว่า สหพันธ์แห่งชาติเพื่อสิทธิมนุษยชนเป็นองค์กรแรกที่มีการคาดการณ์ว่า ผู้คนจำนวน 6000 คน จะถูกสังหารโดยกัดดาฟี ด้วยเหตุผลที่สหพันธ์นี้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับล็อบบี้ยีสต์ชาวอิสราเอลจึงทำให้มีชื่อเสียงอย่างมาก”

 

      

 นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่า “คณะกรรมการผู้สังเกตการณ์ในเครือคณะมนตรีความมั่นคง เรียกร้องให้ถอดถอนประเทศลิเบียออกจากสภาสิทธิมนุษยชน และเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงเข้ามาทำการแทรกแซง”

 

มะฮ์ดี ดารยูส กล่าวว่า “บรรดาประเทศจักรวรรดินิยม อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสและเยอรมนี ไม่ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการล่าอาณานิคมของตนแต่อย่างใด และสิ่งที่ได้เปลี่ยนแปลงไปในขณะนี้จากกลุ่มประเทศเหล่านี้ เป็นเพียงข้ออ้างและการให้เหตุผลต่างๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมที่จะใช้สำหรับการโจมตีต่างๆ ในการล่าอาณานิคมของตน คอนโดลีซซา ไรซ์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา ในช่วงสงครามตามูซ (ในปี 2006 ที่อิสราเอลบุกโจมตีเลบานอน) นางได้แจ้งข่าวดีเกี่ยวกับตะวันออกกลางใหม่ (New Middle East)”

 

      

 ในช่วงเวลานั้นหนังสือพิมพ์หลายฉบับของอเมริกาได้ทำให้บทบาทของไซออนิสต์และการบริหารจัดการต่างๆ ของชาวอเมริกันที่กำลังพยายามจะนำเสนอแผนตะวันออกกลางใหม่มีความโดเด่น

  

 ในช่วงเวลานั้นไซออนิสต์และหน่วยงานต่างๆ ของอเมริกามีความพยายามที่จะทำลายตะวันออกกลาง และจากแนวทางดังกล่าวนี้ตัวเลือกที่ดีที่สุดที่พวกเขานำเสนอก็คือ แผนการสร้างความแตกแยกภายในระหว่างประชาชนในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางนั่นเอง และประเด็นนี้พวกเขาได้นำเสนออย่างชัดเจนภายใต้ชื่อว่า “اللعب بورقةالسنة” (การเล่นเกมกระดานซุนนะฮ์) ซึ่งแผนการนี้เป็นเช่นนี้คือ ในมุมมองของกลุ่มนักวางแผนสงครามชาวอเมริกานั้น หากพิจารณาถึงสภาพของความเป็นกลุ่มชนหรือนิกายในตะวันออกกลาง ดูเหมือนว่าบรรดาผู้ปกครองชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ที่เป็นเป็นพันธมิตรกับอเมริกาในตะวันออกกลาง จะให้ความร่วมมือกับผู้นำของอเมริกาเป็นอย่างดีในการต่อสู้กับแนวโน้มของการแผ่ขยายของชีอะฮ์ ในทัศนะของกลุ่มวางแผนสงครามนั้น หากชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ (วะฮ์ฮาบี) เป็นผู้เข้าสู่สงครามทางอารยธรรมกับอิสลามแล้ว จะสามารถมองเห็นถึงความแตกแยกที่มีอยู่ในระหว่างอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ (วะฮ์ฮาบี) กับชีอะฮ์ได้ในฐานะที่เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่มีประสิทธิภาพ

  

 ในนิตยสารพิเศษของกองทัพอเมริกัน (ARMED FORCES JOURNAL) ได้ชี้ให้เห็นถึงแผนตะวันออกกลางใหม่ซึ่ง “Ralph Peters” นายพลเกษียณอายุชาวอเมริกันได้ร่างมันไว้ ซึ่งตามแผนนี้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางจะถูกแบ่งตามพื้นฐานของมัซฮับ (นิกาย) และเผ่าพันธุ์ ตามแผนนี้แต่ละเผ่าพันธุ์และเชื้อชาติจะถูกแยกออกจากกัน และจะดำเนินนโยบายทางการเมืองในประเทศของตนเองอย่างเป็นเอกเทศ แผนดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลางเพียงเท่านั้น แต่จะครอบคลุมไปถึงประเทศต่างๆ ในแอฟริกาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซูดาน

 

   

 เดวาร์ ไซซาร์ นักวิเคราะห์ทางการเมืองและการทหารของหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส (libération) ได้เปิดเผยถึงแรงจูงใจเคลือบแฝงที่สำคัญที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกาในการกระจายกองกำลังนานาชาติไว้ในแคว้นดาร์ฟัวร์ของประเทศซูดาน โดยเขาได้กล่าวว่า “อเมริกามีความพยายามที่จะทำให้มีสงครามเกิดขึ้นในอียิปต์ในช่วงปี 2015 และในกรณีส่วนแบ่งของน้ำในลุ่มแม่น้ำไนล์นั้นพวกเขาจะจัดการมันตามที่ตนเองต้องการ และจากการแบ่งปันน้ำในแม่น้ำไนล์ระหว่างกลุ่มต่างๆ ทางศาสนาและการเมือง จะทำให้เกิดวิกฤตความขัดแย้งขึ้น และสถานการณ์แบบเดียวกันนี้ก็จะเกิดขึ้นในอิรักด้วยเช่นกัน”

 

    

 เช่นเดียวกันนี้ อเมริกายังพยายามที่จะปรากฏตัวในประเทศอาหรับและประเทศอิสลามบางส่วน เพื่อที่จะทำให้แผนตะวันออกกลางแบบอเมริกันครอบคลุมเป็นรัฐขนาดเล็ก โดยที่รัฐทั้งหมดเหล่านั้นจะถูกครอบงำโดยอิสราเอล และจะปฏิบัติไปตามรูปแบบต่างๆ ของอิสราเอล

    

 ดร. จอร์จ ซิดเกาะฮ์ คณบดีคณะสื่อสารมวลชนของมหาวิทยาลัยเลบานอนมีความเชื่อว่า อเมริกานั้นนิ่งเงียบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับการอพยพของคริสตชนจากประเทศอิรัก และเหตุผลของมันก็เนื่องจากเป็นการตอบสนองผลประโยชน์ของอิสราเอล เขากล่าวว่า “บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อว่า แนวโน้มการแบ่งแยกประเทศอิรักและการสร้างความขัดแย้งต่างๆ ทางเผ่าชนและเชื้อชาตินั้น มีมือต่างๆ ที่รับบทบาทสำคัญนี้อยู่เบื้องหลังฉาก และแผนการดังกล่าวนี้จะจบลงด้วยกับการสนองตอบผลประโยชน์ต่อแผนการอันยิ่งใหญ่ของอิสราเอลเพียงเท่านั้น และสิ่งดังกล่าวนี้ก็จะเกิดขึ้นกับกรณีของคริสเตียนในปาเลสไตน์เช่นเดียวกัน ซึ่งลูกหลานชาวคริสเตียนแห่งปาเลสไตน์หลังจากที่อพยพไปสู่โลกตะวันตกแล้วก็จะอยู่ในสภาพการสิ้นสลาย และในขณะนี้ก็เช่นกัน คริสเตียนจากอียิปต์ ซีเรีย เลบานอนและซูดาน ก็มีการอพยพกันอย่างน่าประหลาดใจ”

 

   

  เขากล่าวว่า “การอพยพของคริสตชนไปอยู่ในประเทศต่างๆ ของตะวันตก จะไม่ทำให้ประเทศเหล่านี้เสียความรู้สึกแต่อย่างใด เพราะผู้อพยพเหล่านี้จะแรงงานราคาถูกสำหรับสังคมตะวันตก และเมื่อเวลาผ่านพ้นไปพวกเขาก็จะถูกกลืนไปในสังคมของตะวันตก และจะไม่หลงเหลือร่องรอยของเชื้อสายและชาติพันธ์อีกต่อไป”

 

    

ดร. ซิดเกาะฮ์เชื่อว่า การขาดบุคคลชนชั้นนำทางการเมืองและวัฒนธรรมในกลุ่มประเทศอาหรับนั้น ได้กลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดแผนการสมรู้ร่วมคิดต่างๆ เหล่านี้ขึ้น แผนการเหล่านี้กำลังพุ่งเป้าไปที่บรรดานักคิด องค์กรและบุคคลสำคัญต่างๆ ทางศาสนา

 

   

 ผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์จะคิดว่าแผนของอเมริกาที่เกิดขึ้นในอิรักรักนั้นเป็นการปฏิบัติการแบบปัจจุบันทันด่วน ทั้งนี้พวกเขาได้หลงลืมจากแผนการต่างๆ ของไซออนิสต์ที่จะทำการแบ่งซอยโลกอิสลาม และหลงลืมไปว่า แผนการนี้เองที่ถูกวาดภาพไว้แล้วตั้งแต่ 60 ปีก่อนหน้านี้ และขณะนี้มันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการทำให้เป็นจริงขึ้นในแผ่นดินอิรัก

 

   

 ด้วยการจัดตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นในแผ่นดินปาเลสไตน์ในปี ค.ศ. 1948 นักบูรพาคดีศึกษาชาวไซออนิสต์ (เบอร์นาร์ด ลูอิส) ซึ่งมีสัญชาติอังกฤษ ในนิตยสารของกระทรวงกลาโหมของอเมริกา (เพนตากอน) เขาได้เสนอแนะให้มีการแบ่งซอยโลกอิสลามจากปากีสถานไปจนถึงโมร็อกโค และการทำให้ระบอบการปกครองใหม่ทางการเมืองเกิดขึ้นอีก 30 แห่ง นอกเหนือไปจากประเทศที่มีอยู่เดิมของโลกอิสลาม และพวกเขาหาทางที่จะเปลี่ยนแปลงโลกอิสลามเพื่อจะให้มีรัฐบาล 88 ประเทศถูกจัดตั้งขึ้นแทนที่ 56 รัฐ เป้าหมายของกลยุทธ์การแบ่งซอยที่ถูกนำเสนอนี้ ก็เพื่อให้เกิดความง่ายดายในการที่จะสร้างความตึงเครียด ความขัดแย้งและสงครามอันจะก่อให้เกิดความอ่อนแอกับประเทศเหล่านี้มากยิ่งขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้รัฐบาลในหมู่พวกเขามีการเผชิญหน้ากัน มีความขัดแย้งและปฏิบัติต่อกันด้วยความรุนแรง และท้ายที่สุดก็จะมีความอ่อนแอมากยิ่งขึ้นในการเผชิญหน้ากับบรรดาศัตรู

 

“เบอร์นาร์ด ลูอิส” (Bernard Lewis)

 

เบอร์นาร์ด ลูอิส ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า “การแบ่งซอยโลกอิสลามจะเป็นหลักประกันความปลอดภัยและความมั่นคงของระบอบไซออนิสต์”

 

แผนการณ์ของไซออนิสต์ผู้นี้ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารของเพนตากอน ซึ่งมีเนื้อหาโดยสังเขปดังต่อไปนี้

 


1.การผนวกเมืองบาลูจิสถาน (Baluchistan) ของปากีสถาน เข้ากับเมืองบาลูจิสถานของอิหร่าน และจัดตั้งเป็นรัฐบาลูจิสถาน (Baluchistan)

  

2.การผนวกพื้นที่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถานเข้ากับพื้นที่ต่างๆ ของอัฟกานิสถาน และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นในภูมิภาคนี้


3.การผนวกพื้นที่ของชาวเคิร์ดในประเทศอิหร่าน อิรักและตุรกี และจัดตั้งรัฐบาลเคอร์ดิสถานขึ้น

   

4.แผนการต่างๆ ในการแบ่งแยกดินแดนของประเทศอิหร่านโดยใช้บรรดาทหารรับจ้าง


  

5.การแบ่งแยกอิรักออกเป็น 3 รัฐ คือเคิร์ด ซุนนีและชีอะฮ์

  

6.การแบ่งแยกซีเรียออกเป็น 3 รัฐ คือดรัซ (Druze) อาละวี (Alawite) และซุนนี

  

7.การแบ่งประเทศจอร์แดนออกเป็น 2 รัฐ คือเบดูอิน (Bedouin) และปาเลสไตน์


8.การแบ่งซาอุดีอาระเบียออกเป็นรัฐบาลเผ่าต่างๆ และการทำให้ประเทศนี้ย้อนกลับไปสู่สภาพเดิมก่อนปี 1933


 

9.การแบ่งเลบานอนออกเป็น 5 รัฐ คือ คริสเตียน ชีอะฮ์ ซุนนี ดรัซ (Druze) และอาละวี (Alawite)


10.การแบ่งอียิปต์ออกเป็น 2 รัฐ คือรัฐกิบฏี (เผ่าชาวอียิปต์โบราณ) และอิสลาม


11.การแบ่งประเทศซูดานออกเป็น 2 รัฐ คือรัฐของชาวผิวดำในภาคใต้ของซูดานและรัฐของชาวอาหรับในภาคเหนือ

 
 

12.การแบ่งประเทศโมร็อกโคกออกเป็น 2 ส่วน ระหว่างชาวอาหรับและชาวเบอร์เบอร์

  

13.การแบ่งประเทศมอริเตเนียใหม่บนพื้นฐานความขัดแย้งระหว่างชาวอาหรับและคนผิวดำ

   

  ด้วยการดำเนินการตามแผนการนี้ หากเป็นไปตามทัศนะของ “เบอร์นาร์ด ลูอิส” แล้ว จะทำให้ประเทศเหล่านี้เผชิญหน้ากับปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ที่รุนแรง ซึ่งจะทำให้ประเทศเหล่านี้มีความอ่อนแอมากกว่าอิสราเอล และอย่างน้อยที่สุดจะทำให้ชาวอิสราเอลมีความเหนือกว่าประเทศเหล่านี้ได้ยาวนานถึงครึ่งศตวรรษ และสามารถปกครองและครอบงำเหนือประเทศอาหรับทั้งหลายได้

  

   แผนการที่อันตรายและชั่วร้ายของอเมริกาที่มีต่อโลกอิสลามนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่อย่างไรมันก็เป็นเรื่องราวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ด้วยกับประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดจากนโยบายครอบงำต่างๆ ของตะวันตก ที่กลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเข้าใจและการตื่นตัวอย่างกว้างขวางขึ้นในโลกอิสลาม และกลายเป็นความเกลียดชังที่มีต่ออเมริกาและลัทธิไซออนิสต์สากล การรู้สึกถึงอันตรายอย่างกว้างขวางที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางผู้นำของรัฐบาลอิสราเอลนี้ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าการตื่นตัวของอิสลามในภูมิภาคตะวันออกกลาง คืออุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่กำลังกีดขวางเป้าหมายอันชั่วร้ายต่างๆ ของลัทธิไซออนิสต์สากล.

 

ที่มา - islamicstudiesth.com

 

แสดงความเห็น